ศิลปะยังถูกมองว่าเป็นเรื่องของงานอดิเรก ทำเพื่อความเพลิดเพลิน ไม่จริงจัง จึงพบว่าผู้ใหญ่ในวันนี้สนับสนุนให้ลูกเรียนวาดเขียน เรียนดนตรีมากขึ้นก็จริง แต่ต้องเป็นการเรียนพิเศษในยามว่างมีน้อยครอบครัวที่จะสานพรสวรรค์ของเด็กไปสู่การวางเป้าหมายชีวิตทางศิลปะ เห็นได้เสมอว่า พ่อแม่จะ เสริมแรงและให้ความชื่นชมเมื่อเด็กทำคะแนนในวิชาคณิตศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์ได้ดีมากกว่าเมื่อเด็กเอางาน ศิลปะมาอวด ซึ่งที่จริงแล้วหากเด็กมีความสนใจอย่างจริงจัง พ่อแม่ก็ควรส่งเสริมและให้ความสนับสนุนอย่าง เต็มที่ในสิ่งที่เขาถนัด
ในแง่ของสภาพสิ่งแวดล้อมและสังคม ซึ่งแตกต่างกันระหว่างปัจจุบันและอดีต ทำให้เด็กมีการ รับรู้และสั่งสมการเรียนรู้ไม่เหมือนกัน เนื้อหาของศิลปะจึงผิดแผกแตกต่างกันไปด้วย หากจะได้เด็กวาดภาพ บ้าน สภาพบ้านของเด็กสมัยก่อนย่อมแตกต่างจากบ้านของเด็กสมัยนี้ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างรูปลักษณ์ของบ้าน สิ่งแวดล้อมภายในและนอกบ้าน รวมไปถึงจำนวนสมาชิกในครอบครัว เช่น สมัยก่อนอาจมีภาพของสมาชิกหลายรุ่น เนื่องจากเป็นครอบครัวขยาย ส่วนปัจจุบันเป็นสภาพครอบครัวเดี่ยว เด็กสมัยนี้จึงมักจะวาดภาพเฉพาะ พ่อแม่พี่น้องเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าศิลปะเป็นสื่อสะท้อนให้เห็นถึงสภาพของสังคมในแต่ละยุคแต่ละสมัยได้อย่างดี โดยถ่ายทอดออกมาจากการรับรู้และการเรียนรู้นั่นเอง เด็กได้อะไรจากศิลปะบ้าง หากจะสรุปถึงประโยชน์ที่เด็กจะได้รับจากศิลปะก็มีอยู่หลายประการ เช่น
📌ศิลปะเป็นสื่อที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการเด็กได้อย่างแนบเนียน เพราะศิลปะต้องใช้สมองสายตาและ ทักษะของมืออย่างมาก มีการวิจัยพบว่าการฝึกให้เด็กเคลื่อนไหว ว่องไว ใช้มือได้ดี มีความสัมพันธ์กับพัฒนาทางการพูด การใช้ถ้อยคำ ส่งเสริมไหวพริบเชาวน์ปัญญา ยิ่งเด็กสามารถใช้มือได้อย่างคล่องเพียงไรก็จะยิ่งใช้ ภาษา ใช้ความคิดได้ดียิ่งขึ้นเพียงนั้น
📌ศิลปะช่วยเสริมความคิดสร้างสรรค์ และจินตนาการที่กว้างไกล จากการศึกษาพบว่าหากฝึก จินตนาการอย่างสร้างสรรค์เพียงวันละ 3 – 5 นาทีทุกวัน จะช่วยลดพฤติกรรมก้าวร้าวในตัวเด็กและทำให้เด็กมี สมาธิในการเรียนดีขึ้น
📌ศิลปะเป็นสิ่งที่ช่วยระบายอารมณ์ที่ซ่อนเร้น ทำให้เพลิดเพลิน ช่วยผ่อนคลายความเครียดได้ ในทางจิต เวชก็ใช้ศิลปะการวาดภาพเป็นเครื่องมือในการบำบัดด้วยเช่นกัน ภาพวาดลายเส้นสีสันของเด็กที่ประสบภัยสึนามิ หรือประสบภัยวิกฤตจากสงครามความรุนแรง จะแสดงออกถึงอารมณ์กลัวโกรธที่กดดันอยู่ ภายในได้ชัดเจน
📌ศิลปะช่วยให้เด็กรู้จักการสังเกต เช่น ของไกลกับของใกล้จะมีสีสันไม่เหมือนกันและมีขนาดแตกต่าง กัน และช่วยให้รู้จักการแก้ปัญหาด้วย เช่น จะวาดภาพให้ดูเป็นภาพสามมิติได้อย่างไร ทำอย่างไรภาพจึงดูเคลื่อนไหวนิ่มนวล จะปั้นภาพอย่างไรให้สามารถตั้งได้ไม่ลืม ซึ่งเด็กอาจใช้การแก้ปัญหาด้วยการลองผิดลองถูก หรือศึกษาจากหนังสือตำรา นอกจากนั้น ศิลปะยังช่วยสร้างนิสัยรักการปฏิบัติให้แก่เด็กอีกด้วย
เพราะศิลปะเป็นสิ่งที่ต้องมีการลงมือกระทำ ในเมื่อศิลปะให้ประโยชน์อย่างมากมาย แล้วเราจะกระตุ้นเด็กให้รักศิลปะและเรียนศิลปะอย่างถูกวิธีได้ อย่างไร จึงจะฉกฉวยประโยชน์จากศิลปะได้มากที่สุด สิ่งที่พ่อแม่และผู้ใหญ่ควรคำนึงถึงก็คือ ศิลปะไม่ต้องการความสำเร็จของงาน เช่น สวยไม่สวย แต่มุ่งเน้นที่ทำแล้วจะก่อให้เกิดความสุข และความเพลิดเพลิน ท่าทีของพ่อแม่ เมื่อเด็กอายุได้ 2 ขวบ จะจับดินสอได้ก็อยากทดลองขีดเขียน และอาจลงมือขีด เขียนลงบนฝาผนังบ้านหรือพื้นห้อง ซึ่งพ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะทนให้พื้นห้องฝาผนังบ้านสกปรกไม่ได้ ก็จะตี ดุ หรือลงโทษ ทำให้ไปชะงักพัฒนาการในเรื่องทักษะการใช้มือของเด็ก
ที่มา : 👉🏻Click here👈🏻